วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2553

12Bar&Turnaround


ทางเดินคอร์ด 12barblues
normal /1/1/1/1/4/4/1/1/5/4/1/5/ เป็นคอร์ด7หมดครับ
quick change /1/4/1/1/4/4/1/1/5/4/1/5/ เป็นคอร์ด7หมดครับ
ซึ่งในคีย์ที่เราเล่นกันอยู๋คือคีย์ E ก็จะเป็น /E7/A7/E7/E7/A7/A7/E7/E7/B7/A7/E7/B7/
จะเล่นTurnaround ช่วงห้องที่ 11-12 ก็คือ E7-B7 แล้วส่งเข้า เริ่มE7ห้องแรกใหม่วนไปเรื่อยๆ

วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Shuffle Feel


เริ่มแรกด้วยการรู้จักและเล่น ในจังหวะ Shuffle และรู้ถึงอารมณ์ รสชาติของ Shuffleกันก่อนนะครับ ซึ่งมันสำคัญมากๆ

วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Chord melody & Octave


การเล่นหรือเลือกใช้ chord melody เป็นอะไรที่ลึกล้ำ ไม่มีหลักการณ์อะไรมากำหนด นอกจากฟังจากหู+รสนิยมผู้เล่น ซึ่งผมก็ยังไม่ได้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้มากนัก ก็บอกได้เท่าที่ทราบ

หวังว่าจะได้ประโยชน์จากคลิปที่ผมทำมาทั้งหมด
จริงๆแล้วมันมีอะไรอีกหลายเรื่อง ที่มันลึกลงไปอีก แต่ผมไม่ขอพูด เพราะว่า ถ้าผมพูดแล้วมันจะทำให้ฟุ้งซ่าน
ผมอยากให้ผุ้ที่เริ่มหัดเล่นแจ๊ซ เล่นสิ่งที่ผมได้บอกไว้ในคลิป ซึ่งมันเป็นพื้นฐานในการเล่นแจ๊ส แบบของผม
ถ้าเล่นได้ตามที่ผมบอกได้ทุกคลิปอย่างคล่องแคล่ว ผมคิดว่า ไม่ยากที่จะแตกแยกความคิดไปได้อีก

เอาทุกอย่างที่ผมแนะนำในคลิปมาลอง อิมเพอร์ไวส์ดู
ไม่ว่าเรื่อง การจับคอร์ด/การในจังหวะสวิง/การเปลี่ยนมูดของริทึ่มด้วยมือขวา/การเล่นเมโลดี้/การล้อเมโลดี้/เล่นให้ไหลลื่นในจังหวะสวิง/เล่นส่วนขัดในสวิง/การใส่โครเมติก/การเล่นแล้วกลับไปโน๊ตเมโลดี้เผื่อให้ได้ยินเสียงคอร์ดและรู้ว่าเราเล่นอยู่ท่อนไหน/การเล่นคอร์ดเมโลดี้/การเล่นออคเตฟ/

ถ้าเล่นได้คล่องทั้งหมด ผมคิดว่าเรื่องที่ต่อไปจากนี้คงหาวิธีเล่นหรือวิธีคิดต่อไปได้ไม่ยากนัก....

Improvise On Swing Beat


ก่อนจะฝึกอิมเพอร์ไวส์ในแจ๊ส ควรจะต้องอิมเพอร์ไวส์ในเพลงคีย์ง่ายๆ อย่างพวก pop rock ให้ได้ก่อนนะครับ เพราะผมไม่ได้พูดถึงการอิมเพอร์ไวส์พื้นฐาน เอาไว้ถ้าอยากรู้กันจะทำแยกอีกเรื่องละกันครับ
เพลง นี้คอร์ดยังไม่ได้หักมุมมากนัก ใช้สเกลเดียวในการเล่นก่อนได้ไม่ยากนัก

ไม่รู้จะเข้าใจกันไหม... งงก็ถามได้เหมือนเดิมครับ

Melody


โน๊ตที่ตกพร้อมกับคอร์ดคือโน๊ตที่สำคัญ เหมาะแก่การเน้น และใช้สำหรับจบวลีนะครับ มันจะบอกคอร์ดไปในตัวคล้ายๆกับเวลาเราเล่น คอร์ดโทน แต่วิธีนี้จะบอกเมโลดี้+บอกคอร์ด ในตัวของมันเอง
***วิธีนี้ ได้จากการ เรียน ศึกษา จากนักดนตรีรุ่นพี่หลายๆท่าน รวมทั้งค้นพบเองด้วยการฟังเพลงของหลายนักดนตรีแจ๊ส ระดับโลก....
โน๊ตที่สำคัญ(โน๊ตที่ตกพร้อมคอร์ด)
จะเรียงตามคอร์ดเพลงเลยนะครับ ดูโน๊ตประกอบตามนะครับ
ท่อน A
ห้องที่1 Am7 เมโลดี้หรือโน๊ตสำคัญที่ตกคือ C
ห้องที่2 D7 เป็นคอร์ดผ่านไม่มีเมโลดี้หรือโน๊ตสำคัญตก
ห้องที่3 Gmaj7 เมโลดี้หรือโน๊ตสำคัญที่ตกคือ B
ห้องที่4 Cmaj7 เป็นคอร์ดผ่านไม่มีเมโลดี้หรือโน๊ตสำคัญตก
ห้องที่5 F#m7b5 เมโลดี้หรือโน๊ตสำคัญที่ตกคือ A
ห้องที่6(ประทุน1) B7 เมโลดี้หรือโน๊ตสำคัญที่ตกคือ F#
ห้องที่7 Em เมโลดี้หรือโน๊ตสำคัญที่ตกคือ G
ห้องที่8 Em เป็นคอร์ดผ่านไม่มีเมโลดี้หรือโน๊ตสำคัญตก
วนกลับมาเล่นห้อง1-5ใหม่ เข้าประทุน2
ห้องที่9(ประทุน2) B7 เมโลดี้หรือโน๊ตสำคัญที่ตกคือ F#
ห้องที่10 Em เมโลดี้หรือโน๊ตสำคัญที่ตกคือ E
ห้องที่11 Em เป็นคอร์ดผ่านไม่มีเมโลดี้หรือโน๊ตสำคัญตก

ท่อน B
ห้องที่12 F#m7b5 เมโลดี้หรือโน๊ตสำคัญที่ตกคือ F#
ห้องที่13 B7b9 เป็นคอร์ดผ่านไม่มีเมโลดี้หรือโน๊ตสำคัญตก
ห้องที่14 Em เมโลดี้หรือโน๊ตสำคัญที่ตกคือ G
ห้องที่15 Em เป็นคอร์ดผ่านไม่มีเมโลดี้หรือโน๊ตสำคัญตก
ห้องที่16 Am7 เมโลดี้หรือโน๊ตสำคัญที่ตกคือ A
ห้องที่17 D7 เป็นคอร์ดผ่านไม่มีเมโลดี้หรือโน๊ตสำคัญตก
ห้องที่18 Gmaj7(คอร์ดนี้ห้องนี้สำคัญมากเป็นตัวบอกห้องกันหลงได้เป็นอย่างดีเล่นให้ชัดๆ)เมโลดี้หรือโน๊ตสำคัญที่ตกคือ B
ห้องที่19 Gmaj เป็นคอร์ดผ่านไม่มีเมโลดี้หรือโน๊ตสำคัญตก
ห้องที่20 F#m7b5 เมโลดี้หรือโน๊ตสำคัญที่ตกคือ C
ห้องที่21 B7b9 เมโลดี้หรือโน๊ตสำคัญที่ตกคือ F#
ห้องที่22 Em7 เมโลดี้หรือโน๊ตสำคัญที่ตกคือ C
ห้องที่22 Eb7 เป็นคอร์ดผ่านไม่มีเมโลดี้หรือโน๊ตสำคัญตก
ห้องที่23 Dm7 เป็นคอร์ดผ่านไม่มีเมโลดี้หรือโน๊ตสำคัญตก
ห้องที่23 Db7 เป็นคอร์ดผ่านไม่มีเมโลดี้หรือโน๊ตสำคัญตก
ห้องที่24 Cmaj7 เมโลดี้หรือโน๊ตสำคัญที่ตกคือ A
ห้องที่25 B7b9 เมโลดี้หรือโน๊ตสำคัญที่ตกคือ F#
ห้องที่26 Em เมโลดี้หรือโน๊ตสำคัญที่ตกคือ E
ห้องที่27 Em เป็นคอร์ดผ่านไม่มีเมโลดี้หรือโน๊ตสำคัญตก

*** ถ้าสังเกตุดู โน๊ตที่สำคัญดังกล่าว ส่วนใหญ่จะเป็นโน๊ตในคอร์ด 1 3 5 7 หรือตัวเทนชั่น(9 b9 #9 11 13 ฯลฯ)
มันก็เหมือนกับการเล่นคอร์ดโทนที่เล่นโน๊ตในคอร์ด (คล้ายอเพจจิโอ้)
****เมโลดี้นั้นจะเป็นตัวกำหนดว่า เราควรเล่นโน๊ตไหนในกลุ่ม โน๊ตในคอร์ด 1 3 5 7 หรือตัวเทนชั่น(9 b9 #9 11 13 ฯลฯ) หรือแม่กระทั้ง ใส่เทนชั่นตัวไหน ใช้คอร์ดไหนแทนได้บ้าง ถ้าใส่มันในเชิงเมโลดี้อย่างที่กล่าวมา มันจะฟังดูเข้า ไพเราะที่ (นอกเสียจากว่าเราต้องการแหกคอก อวกาศ บิน เพี้ยน กัด ก็อีกเรื่อง)

***ผมเป็นคนที่ใช้วิธีนี้เล่นแทนการเล่นคอร์ดโทน เพราะ คอร์ดโทนจะบอกแค่ว่าคือคอร์ดอะไร
แต่การเล่นตัวเมโลดี้โน๊ตตัวตกคอร์ด มันจะบอก ทั้งว่าคอร์ดอะไร อยู่ช่วงไหนของท่อนในเพลง จะทำให้เราไม่ต้องมานั่งนับห้อง ไม่ต้องเปิดโน๊ตแล้วอิมเพอร์ไวส์ไป ดูโน๊ตไปว่าถึงห้องไหนคอร์ดไหนแล้ว ซึ่งมันเป็นที่มาของการที่ทำให้เรานั้นเล่นไร้สำเนียง !!! เพราะมัวแต่ดูโน๊ต ดูคอร์ด ดูห้อง ดูท่อน!!


***สำคัญมากๆๆๆ

จงเล่นเมโลดี้ให้จำขึ้นใจ ฮัมได้ เดินไปไหนมาไหน ก็เดินฮัมไปได้ จำขึ้นใจ เข้าเส้น
อย่า!! ข้ามการท่องเมโลดี้ไป เพราะมันเมโลดี้คือ หัวใจของดนตรีแจ๊ส!!!

Chords Improvise


การใส่ tension กับคอร์ดในเพลง autumn leaves

การใส่ tension ก็คือการทำให้คอร์ดมันใหญ่ขึ้นหรือเปลี่ยนจากตัวtensionเดิม เพื่อ ให้เสียงมันตึงเครียด,แซ่บ,นัว,แล้วที่สำคัญต้องการให้คอร์ดมันมีเมโลดี้(ซึ่งมันก็คือคอร์ดเมโลดี้ ไว้พูดอีกทีในไอเดียการอิมเพอร์ไวส์)
ที่จะบอกต่อไปนี้ ไม่ได้หมายความว่าทำได้แค่นี้ หรือทำตามนี้แล้วดีที่สุด มันแค่เป็นสิ่งที่ผมชอบเล่นเป็นประจำ
คอร์ดที่มีในเพลง ประกอบด้วย Am7,D7,Gmaj7,Cmaj7,F#m7b5,B7,Em,B7b9,Em7,Eb7,Dm7,Db7

Am7 ใส่tension เป็น Am9,Am13
D7 ใส่tension เป็น D9,D7b9,D7#9,D13
Gmaj7 ใส่tension เป็น Gmaj9,Gmaj13 ,69
Cmaj7 ใส่tension เป็น Cmaj9,Cmaj13 ,69
F#m7b5 ใส่tension เป็น F#m7b5b9 เนื่องจากคอร์ด F#m7b5เป็นคอร์ดใหญ่อยู่แล้วบางทีถ้าเพิ่มอีกอาจรกไป เราใช้วิธีเปลี่ยนคอร์ดเป็น F#13 หรือจับคอร์ดเดิม
B7 ใส่tension เป็น B9,B13,B7b9,B7#9
Em ใส่tension เป็น อย่างที่บอกครั้งที่แล้วเขาไม่เล่นคอร์ด3เสียงกันจะจับเป็น Em7เป็นพื้นฐานโดยอัตโนมัติ ใส่tension ก็เป็น Em9
B7b9 ใส่tension เป็น B7b9#5 เนื่องจากคอร์ด B7b9เป็นคอร์ดใหญ่อยู่แล้วบางทีถ้าเพิ่มอีกอาจรกไป เราใช้วิธีเปลี่ยนคอร์ดเป็น B7#9 หรือจับคอร์ดเดิม
Eb7 ใส่tension เป็น Eb9,Eb13,Eb7b9,Eb7#9
Dm7 ใส่tension เป็น Dm9
Db7 ใส่tension เป็น Db9,Db13,Db7b9,Db7#9

สังเกตุจะเห็นว่าทางคอร์ดที่เป็น maj จะใส่ maj7,maj9,maj13,69
สังเกตุจะเห็นว่าทางคอร์ดที่เป็น minor จะใส่ m9
สังเกตุจะเห็นว่าทางคอร์ดที่เป็น dominant seven จะใส่ 9,13,b9,#9

**ไม่ต้องแคร์หรอกว่า มันคือคอร์ดอะไร นิ้วไหนเหลือ เกี่ยวไป กดไป แล้วใช้หูฟัง ก็ฟังแล้วโอเค ชอบ ก็จัดไปอย่าได้กลัว เพราะถ้าสมมุติว่าเราจับฟอร์ม minor7 นิ้วก้อยเหลือพาดไปโดนตัวไหนก็คือ+ตัวนั้นไปเช่น จับฟอร์ม Em7 นิ้วก้อยพาดไป 9 ก็เป็นEm9 ถ้าพาดไป#9 ก็เป็น Em7#9 ถ้าพาดไปโดน #5 ก็เป็น Em7#5
**ผมยังยืนยันคำเดิมคือ jazz จะมาบอกว่าต้องเล่นแบบนี้ แบบนั้นไม่ได้ อยู่ที่คนเล่นชอบ
กฏของjazz มีข้อเดียวคือ ต้องเล่นในจังหวะของเพลงนั้นๆ...



เสริมนิดครับลืมบอกไป

การใส่ tension คือการเพิ่มโน๊ตเข้าไปให้คอร์ดใหญ่ขึ้น อย่างที่ผมกล่าวไปแล้ว
แต่โน๊ตที่เพิ่มนั้น จะต้องไม่ใช้ โน๊ตในคอร์ด หรือก็คือ การเพิ่ม tension คือการเพิ่มโน๊ตที่ไม่ใช่โน๊ตในคอร์ดหลัก(4เสียง 1-3-5-7)
เช่น เขาจะไม่ใส่ ตัว 10 เพราะตัว10ก็คือตัว 3
ไม่ใส่ตัว 12 เพราะตัว12ก็คือตัว 5
ไม่ใส่ตัว 14 เพราะตัว14ก็คือตัว 7
**ส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้ ไม่ได้หมายความว่า ต้องตายตัวแบบนี้นะ แค่ส่วนใหญ่เท่านั้นครับ 

Swing Rhythm & Rhythm Mood


ต่อจากคลิปที่แล้ว หลังจากเราจับคอร์ดได้แล้ว ก็เริ่มมาเล่นกับจังหวะ สวิง แล้วคลิปนี้พูดถึงการเปลี่ยน อารมณ์ของ จังหวะด้วยเทคนิคมือขวา+มือซ้าย ลองศึกษากันดูนะครับ..

วันพฤหัสบดีที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Autumn Leaves Chord Voicing


http://www.upload-thai.com/download.php?id=8339d55e3af3b0c2baa1e5c0c6df68cf
นี่เป็นโน๊ต+คอร์ดของเพลง Autumn Leaves  

  *****โน๊ตในคอร์ดแต่ละชนิต******
ให้เลือกโน๊ตจากเสกลเมเจอร์
เช่น คอร์ดC ก็ใช้เสกลC C D E F G A B C.........สูงไปเรื่อย
1 2 3 4 5 6 7 8..........สูงไปเรื่อย
**คอร์ดอื่นก็ใช้เสกลอื่น เช่น คอร์ด D ก็ใช้สเกลD คอร์ด Em ก็ใช้เสกล E (เมเจอร์หมด)

***คอร์ด3เสียง***
Major = 1-3-5
เช่น คอร์ด C = C-E-G

Minor = 1-3b-5
เช่น คอร์ด Cm = C-Eb-G

augmented(+) = 1-3-5#
เช่น คอร์ด C+ = C-E-G#

diminished(dim) = 1-3b-5b
เช่น คอร์ด Cdim = C-Eb-Gb

***คอร์ด4เสียง***
major seventh(maj7) = 1-3-5-7
เช่น คอร์ด Cmaj7 = C-E-G-B

minor seventh(m7) = 1-3b-5-7b
เช่น คอร์ด Cm7 = C-Eb-G-Bb
minor sixth(m6) = 1-3b-5-6 เช่น Cm6 = C-Eb-G-A

augmented seventh(+7) = 1-3-5#-7b
เช่น คอร์ด C+7 = C-E-G#-Bb

diminished seventh(dim7) =1-3b-5b-7bb(6) (ตัวที่7มันbสองทีเลยกลายเป็น6แทนที่จะเขียน
1-3-5-6 ไปเลย ทำไม่ได้เพราะ มันจะกลายเป็น dim6 ซึ่งมันไม่มีคอร์ดนี้ และที่สำคัญมันยังให้ซาวด์ที่เป็น7อยู่ ถ้าจะใส่แค่bเดียว มันก็ดันจะกลายเป็น m7b5 เลยกลายเป็นแบบนี้...)
เช่น คอร์ด Cdim7= C-Eb-Gb-A


seventh(7) = 1-3-7b
เช่น คอร์ด C7 =C-E-Bb

sixth(6) = 1-3-5-6 เช่น C6 = C-E-G-A

***คอร์ด5เสียง***
คอร์ด5เสียงขึ้นไป จะใช้โน๊ตจากคอร์ด4เสียงด้านบนเป็นหลัก แล้วเพิ่มไปอีกเป็น 5ตัว ขึ้นไป

major ninth(maj9) = 1-3-5-7-9 เช่น Cmaj9 = C-E-G-B-D (สังเกตุดูว่าตัว9ก็คือตัว2นั่นแหละเพราะเสกลมันมีแค่7ตัวเท่านั้น แต่เหตุผลที่ว่า ทำไมไม่เป็น maj2 ก็เพราะว่า โน๊ตที่เขาเพิ่มเนี่ยเขาต้องการเสียงที่สูงขึ้นไปอีกออคเตฟนึง เพื่อให้มันเด่นขึ้นมา เวลาเล่นก็ต้องเล่นให้โน๊ตนี้ชัดๆ นี่แหละสำคัญมาก)

minor ninth(m9) = 1-3b-5-7b-9 เช่น Cm9 = C-Eb-G-Bb-D


minor sixth,added ninth(m69) = 1-3b-5-6-9 เช่น Cm69 = C-Eb-G-A-D (ถ้าเขาเขียนกำกับมาเลยว่าเป็นm6หน้า9แสดงว่า เขาต้องการให้ใช้ฐานโน๊ตของคอร์ด m6แล้วต่อด้วย9 ถ้าเขียนเป็นm9 ไม่กำหนดว่า6 มาแสดงว่า ให้รู้กันว่า ฐานคือคอร์ด m7เติม9 หรือ maj7เติม9 หรือ7เติม9....)

Sixth,added ninth(69) = 1-3-5-6-9 เช่น C69 = 1-3-5-6-9 (นี่ก็เหมือนกันกำกับว่า69แสดงว่าใช้ฐานคอร์ดของ6แล้วเติม9)

major seventh, flat fifth(maj7(b5)) = 1-3-5-7-5b
minor seventh, flat fifth(m7(b5)) = 1-3b-5-7b-5b (ก็เหมือนเดิมแค่เพิ่มb5)

ต่อมาเป็นทางคอร์ดของ dominant seventh มีฐานคือ 1-3-5-7b จะใส่ได้เยอะ+ง่ายกว่า major และ minor
ninth(9) = 1-3-5-7b-9 เช่น C9 = C-E-G-Bb-D (ฐานคอร์ดมาจาก7แล้วเติม9)
seventh, flat fifth [7(b5)] 1 3 5 7b 5b
seventh, flat ninth[7(b9)] 1 3 5 7b 9b
seventh. sharp ninth[7(#9)] 1 3 5 7b #9

***คอร์ด6เสียง***
คอร์ด6เสียงก็คือ คอร์ด eleventh [ 11 ] จะใช้ฐานคอร์ดจาก คอร์ด9(คอร์ด5เสียง)
เช่น Cmaj11 = 1-3-5-7-9-11 ก็คือคอร์ดCmaj9+11 หรือ Cmaj7+9+11
Cm11 = 1-3b-5-7b-9-11 ก็คือคอร์ด Cm9+11 หรือ Cm7+9+11
C11 = 1-3-5-7b-9-11 ก็คือคอร์ด C9+11 หรือ C7+9+11

***คอร์ด7เสียง(ใหญ่ที่สุด)***
ก็คือคอร์ดทาง7ที่ใส่ตัว6ในออคเตฟสูงเพื่อให้เสียงเด่นชัดก็คือ13
เช่น Cmaj13 =1-3-5-7-9-11-13 ก็คือคอร์ด Cmaj11+13 หรือ Cmaj7+9+11+13
Cm13 = 1-3b-5-7b-9-11-13 ก็คือคอร์ด Cm11+13 หรือ Cm7+9+11+13
C13 = 1-3-5-7b-9-11-13 ก็คือคอร์ด C11+13 หรือ C7+9+11+13

***voicing for guitar***

มันมีอยู่หลายวิธี เอาวิธีที่ผมรู้แล้วใช้กับคอร์ดเพลงนี้ก่อนละกันครับ
ให้เราเลือกรูทก่อน รูทก็คือโน๊ตแรกของคอร์ด ว่าจะไว้ที่สาย 6 หรือ 5

แบบแรก รูทที่สาย6
ถ้าเราเลือกรูทหรือเบสอยู่สาย6 สาย5เราจะไม่เล่น ไปเริ่มที่สาย4เลย ยกตัวอย่างคอร์ด Cmaj7
มี 1-3-5-7 ให้ตัด5ออกไปเลยหรือไว้ท้ายสุด(เป็นผมตัดไปเลยเหลือนิ้วไว้ใส่ tension (โน๊ตที่ใส่เพิ่มเสียงในคอร์ดเดิมผมจะเรียกว่า tension หมด) แล้วเอาตัว7 มาไว้ตัวที่2ที่สาย4 จากนั้นต่อด้วยตัว3 ที่สายต่อไปคือสาย3 จับแค่3ตัว จับน้อยๆจะทำให้ เสียง7หรือtension จะออกมาชัด และคล่องตัวเวลาเล่นคอร์ดเยอะๆ

แบบ2 รูทหรือเบส สาย5
เลือกโน๊ตตัวแรก คือรูท ไว้ที่สาย5 สาย4เล่นตัวที่3 ตัวที่5ตัดทิ้ง สายที่3เล่นตัว7
เช่นคอร์ด Cm7 1-3b-5-7b =C-Eb-G-Bb สาย5เล่นตัวC สาย4เล่นตัวEb ตัดGทิ้ง สาย3เล่นตัวBb
จับ3ตัวเช่นกัน นิ้วก้อยที่เหลือ ไว้ใส่ tension


****ที่กล่าวมา แค่เบื้องต้นครับ มันดิ้นได้มากกว่านี้อีกในดนตรีjazz อิสระมากมายนัก เป็นวิธีคิดที่ผมเข้าใจ บางทีคนอื่นอาจเข้าใจด้วย หรืองงหนักกว่าเดิม ก็แล้วแต่บุญแต่กรรม อิอิ
ผิดพลาดอย่างไรขออภัยด้วย
ถ้าชอบกันคราวหน้าจะมาพูดเรื่อง tension chordmelody การsolo การimprovise ในเพลง Autumn Leaves ว่ากันเป็นเพลงๆไป จะได้ฝึกกันเป็นเพลงๆจะได้ไม่ปนกันมั่ว *0*